สายรัดพาเลท กับ Strapping ต่างกันยังไง? เลือกใช้ให้เหมาะกับสินค้า

ความแตกต่างของสายรัดพาเลทและ Strapping พร้อมวิธีเลือกใช้งานให้เหมาะกับสินค้า

สายรัดพาเลท กับ Strapping ต่างกันยังไง? เลือกใช้ให้เหมาะกับสินค้า

ในการขนส่งและจัดเก็บสินค้าในภาคอุตสาหกรรมหรือคลังสินค้า สายรัดพาเลท และ strapping คืออุปกรณ์ที่ถูกพูดถึงบ่อยครั้ง เพราะทั้งสองมีบทบาทสำคัญในการยึดสินค้าให้มั่นคง ป้องกันความเสียหายระหว่างการขนย้าย แต่หลายคนอาจยังสับสนว่า สายรัดพาเลทกับ strapping ต่างกันอย่างไร? มีจุดเด่น จุดด้อย หรือการใช้งานที่แตกต่างกันแค่ไหน บทความนี้จะพามาเจาะลึกทุกแง่มุม พร้อมคำแนะนำในการเลือกใช้ให้เหมาะกับสินค้าของคุณจริงๆ

 

สายรัดพาเลทคืออะไร?

สายรัดพาเลท (Pallet Strap หรือ Pallet Band) คือสายรัดที่ออกแบบมาเพื่อใช้รัดสินค้าเข้ากับพาเลทโดยเฉพาะ ลักษณะเด่นคือความแข็งแรง ความยืดหยุ่นกำลังดี และสามารถใช้ร่วมกับเครื่องรัดพาเลทหรือรัดมือก็ได้ จุดประสงค์หลักคือ

  • ตรึงสินค้าเข้ากับพาเลท ลดโอกาสการลื่นไถลหรือหล่นระหว่างการเคลื่อนย้าย
  • กระจายแรงกด ทำให้สินค้าเสียหายน้อยลง แม้จะเป็นกล่องบรรจุภัณฑ์ที่เปราะบาง
  • เพิ่มความปลอดภัยขณะยกหรือย้ายด้วยโฟล์คลิฟท์

สายรัดพาเลทจึงกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของคลังสินค้าและบริษัทขนส่งมืออาชีพที่ต้องจัดการพาเลทจำนวนมากต่อวัน

Strapping คืออะไร?

หลายคนอาจเข้าใจว่า strapping คือคำเรียกรวมๆ ของสายรัดทุกประเภท แต่ในความเป็นจริง strapping มักหมายถึง สายรัดพลาสติกหรือสายรัดเหล็ก ที่ใช้รัดสินค้าทั้งแบบมัดรวม ห่อหุ้ม หรือตรึงติดกับพาเลทหรือพื้นพาหนะ ซึ่ง strapping มีหลายวัสดุ เช่น

  • สายรัดพลาสติก PP (Polypropylene)
  • สายรัด PET (Polyester)
  • สายรัดเหล็ก

โดยทั่วไป strapping จะมีความแข็งแรงสูงกว่า สายรัดพาเลทบางชนิด สามารถรับแรงดึงได้หลายร้อยกิโลกรัม แต่ก็อาจแข็งกระด้างกว่าและต้องใช้เครื่องรัดเฉพาะ

 

จุดแตกต่างระหว่างสายรัดพาเลทกับ strapping

เพื่อความเข้าใจง่าย ลองมาเปรียบเทียบแบบชัดๆ ว่าแตกต่างกันตรงไหน

  • วัตถุประสงค์การใช้งาน
    • สายรัดพาเลท: เน้นรัดสินค้าเข้ากับพาเลทโดยตรง รองรับการยกเคลื่อนย้าย
    • strapping: ใช้รัดรวมสินค้า หรือมัดให้แน่นหนา อาจใช้กับพาเลทหรือไม่ก็ได้

  • ความยืดหยุ่น
    • สายรัดพาเลท: ยืดหยุ่นสูงกว่าเล็กน้อย เหมาะกับสินค้าที่ต้องการแรงรัดปานกลาง
    • strapping: มีทั้งชนิดยืดหยุ่นและไม่ยืดหยุ่น ขึ้นกับวัสดุ

  • เครื่องมือที่ใช้
    • สายรัดพาเลท: ใช้เครื่องรัดพาเลทหรือรัดมือ
    • strapping: มักใช้เครื่องรัดมือหรือเครื่องรัดอัตโนมัติ

  • แรงดึงและความแข็งแรง
    • สายรัดพาเลท: รับแรงได้ระดับหนึ่ง พอเพียงกับงานจัดเรียงพาเลท
    • strapping: รับแรงดึงสูง เหมาะกับสินค้าน้ำหนักมาก

  • ต้นทุน
    • สายรัดพาเลท: ราคาโดยรวมประหยัดกว่า
    • strapping: ถ้าใช้ PET หรือเหล็ก ราคาสูงกว่า

 

จะเห็นว่าทั้งสองชนิดไม่ได้แทนกันได้เสมอไป จึงต้องพิจารณาให้รอบด้าน

 

สายรัดพาเลทมีกี่ชนิด?

สายรัดพาเลทมีหลายแบบ แบ่งตามวัสดุและรูปแบบ เช่น

  • สายรัดพลาสติก PP สำหรับพาเลท: น้ำหนักเบา ราคาประหยัด ใช้แพร่หลาย
  • สายรัด PET สำหรับพาเลท: แข็งแรง ทนแรงดึงสูงกว่า PP
  • สายรัดไนลอน: ยืดหยุ่นสูง เหมาะกับสินค้าที่เปลี่ยนรูปทรงได้บ้าง
  • สายรัดวงแหวน (Band): ใช้คล้องกับพาเลทโดยไม่ต้องตัด
  • สายรัดผ้า: ลดรอยขีดข่วนบนสินค้า

ทุกชนิดนี้ถือว่าเป็น สายรัดพาเลท เพราะใช้กับการยึดสินค้าบนพาเลทโดยตรง

 

Strapping มีกี่ชนิด?

strapping แบ่งได้ตามวัสดุและลักษณะการใช้งาน ดังนี้

  • PP Strapping: ยอดนิยม ราคาถูก ใช้ง่าย
  • PET Strapping: ทนแรงดึงสูง ไม่ยืดตัวง่าย
  • Steel Strapping: เหมาะกับสินค้าน้ำหนักมาก เช่น แท่งเหล็ก เครื่องจักร
  • Corded Strapping: ทำจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ ถอดง่าย
  • Composite Strapping: ผสมพลาสติกหลายชนิด เพิ่มความแข็งแรง

 

การเลือก strapping จึงต้องดูน้ำหนักสินค้า ลักษณะการจัดเก็บ และงบประมาณประกอบ

 

เลือกสายรัดพาเลทหรือ strapping แบบไหนดี?

ก่อนตัดสินใจ ควรถามตัวเอง 5 ข้อนี้

  1. สินค้าหนักแค่ไหน?
    • ถ้าน้ำหนักไม่เกิน 500 กก. และวางพาเลทสวยๆ ใช้สายรัดพาเลท PP หรือ PET ก็พอ
    • ถ้าหนักมาก ต้องใช้ strapping PET หรือเหล็ก

  2. ต้องเคลื่อนย้ายบ่อยไหม?
    • เคลื่อนย้ายบ่อย สายรัดพาเลทที่ถอดง่ายจะสะดวกกว่า

  3. กลัวสินค้าเสียหายหรือขูดขีดหรือไม่?
    • ถ้ากังวล ใช้สายรัดผ้า หรือสายรัดที่มีผิวสัมผัสนุ่ม

  4. มีเครื่องมือรัดหรือไม่?
    • ถ้ามีเครื่องรัด strapping อัตโนมัติ อาจใช้ strapping จะรวดเร็วกว่า
    • ถ้าไม่มี ใช้สายรัดพาเลทแบบรัดมือได้

  5. งบประมาณเป็นอย่างไร?
    • ถ้าเน้นประหยัด สายรัดพาเลท PP เป็นทางเลือกที่คุ้มค่า

ข้อดีของสายรัดพาเลท

  • ใช้งานง่าย ไม่ต้องมีเครื่องจักรซับซ้อน
  • น้ำหนักเบา
  • ถอดง่ายเมื่อถึงปลายทาง
  • ลดแรงกดที่มุมกล่อง
  • ประหยัดต้นทุน

 

ข้อดีของ strapping

  • ทนแรงดึงสูง เหมาะกับงานหนัก
  • คงรูปดี แม้โดนแรงกระแทก
  • ใช้ได้กับสินค้าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
  • ป้องกันการเคลื่อนตัวของชั้นสินค้า

ตัวอย่างการใช้งานจริง

  • โรงงานผลิตอาหาร: มักใช้สายรัดพาเลท PP ยึดลังสินค้าเข้ากับพาเลท
  • คลังสินค้าขายส่งวัสดุก่อสร้าง: ใช้ strapping PET หรือเหล็กมัดสินค้าใหญ่
  • ร้านค้าส่งทั่วไป: ใช้สายรัดพาเลทไนลอนหรือผ้า ถอดง่ายไม่ทำลายกล่อง

วิธีดูแลและเก็บรักษา

เพื่อยืดอายุการใช้งานสายรัดพาเลทและ strapping

  • เก็บในที่แห้ง ไม่ชื้น
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง
  • ตรวจสอบความเสียหายก่อนใช้
  • หากใช้เครื่องรัด ควรดูแลตามคู่มือ

โดยสรุปแล้วนั้น สายรัดพาเลท และ strapping แม้จะมีจุดประสงค์คล้ายกัน แต่รายละเอียดแตกต่างกันพอสมควร 

  • สายรัดพาเลท: เหมาะกับการรัดสินค้าเข้ากับพาเลทโดยเฉพาะ ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา ถอดสะดวก
  • strapping: ใช้มัดสินค้าทั่วไปหรือสินค้าหนัก รับแรงดึงสูง มีหลายวัสดุให้เลือก

การเลือกใช้อุปกรณ์เหล่านี้ให้เหมาะสม จะช่วยปกป้องสินค้า ลดความเสียหายระหว่างขนส่ง และเพิ่มความเป็นมืออาชีพให้ธุรกิจคุณ

ถ้าคุณกำลังมองหา สายรัดพาเลทคุณภาพสูง หรือ strapping ที่ได้มาตรฐาน บีพี แพ็ค แมททีเรียล มีให้เลือกครบวงจร พร้อมให้คำแนะนำโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ


ติดต่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับ สายรัดพาเลท เพิ่มเติมได้ที่

บริษัท บีแพ็ค แมททีเรียล จำกัด
https://www.bpackmaterial.com/
โทร: 098-546-1563
อีเมล: bpackmaterial@gmail.com
Facebook: ตาข่ายปิดท้ายตู้คอนเทนเนอร์ สินค้าคุณภาพ ราคาถูก by Bpack